"We use cookies to make your experience better". "To offer a better browsing experience, the website uses technical, analytical, profiling and third party cookies. By selecting "Accept" you consent to the use of all cookies. If you would like to know more or opt out of all or some cookies select "Manage Cookies". Learn more
กระเป๋า Chanel Classic มัดรวมไว้ให้คุณที่นี่ที่เดียว

กระเป๋า Chanel Classic มัดรวมไว้ให้คุณที่นี่ที่เดียว จะมีกระเป๋าถือกี่แบรนด์บนโลกใบนี้ ที่ความคลาสสิกของมันไม่เคยไม่วันตกยุค และสามารถเป็นที่จดจำได้ทันที ถึงความเป็นเอกลักษณ์ที่สื่อถึงเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์ Chanel แบรนด์หรูจากฝรั่งเศส คือหนึ่งในความคลาสสิกดังกล่าว เครื่องประดับอันเลอค่าที่อยู่คู่กับสุภาพสตรีมายาวนานกว่าศตวรรษ นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ. 1910
ในโลกแฟชั่นปัจจุบัน ที่มีการแปรผันและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สินค้าดีไซน์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกฤดูกาล หากคุณกำลังให้ความสนใจในกระเป๋าจากแบรนด์ Chanel แต่ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน SF Brandname ขอนำเสนอกระเป๋า 8 รุ่นคลาสสิกจากชาแนล ที่ได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง และขึ้นแท่น Iconic Bag ตลอดกาล
Chanel 2.55
กระเป๋า Chanel 2.55 ออกจำหน่ายครั้งแรกในปี ค.ศ. 1955 โดย Coco Chanel เป็นกระเป๋าสำหรับผู้หญิงใบแรกที่มาพร้อมสายสะพายไหล่ แนวคิดที่ว่าผู้หญิงสามารถใช้มือได้อย่างอิสระขณะถือกระเป๋าถือถือเป็นแนวคิดสุดโต่งในสมัยนั้น และปฏิวัติวงการกระเป๋าสำหรับผู้หญิงไปอย่างสิ้นเชิง
2.55 ได้รับการตีความใหม่ และเปิดตัวอีกครั้งในปี 2005 โดย Karl Lagerfeld เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปี กระเป๋ารุ่นนี้เป็นหนึ่งในกระเป๋าที่เรียบง่ายที่สุดของ Chanel มาพร้อมตัวล็อกแบบ “mademoiselle” แทนที่จะเป็นตัวล็อกแบบ C สองตัวอันเป็นเอกลักษณ์ในปัจจุบัน และมีช่องซิปลับที่ Coco Chanel เคยใช้เก็บจดหมายจากคนรักของเธอไว้
Chanel Classic Flap Bag
เมื่อคุณนึกถึงกระเป๋า Chanel กระเป๋าแบบฝาพับคลาสสิกมักจะเป็นสิ่งแรกที่คุณนึกถึง กระเป๋ารุ่นนี้ ปัจจุบัน เป็นที่รู้จักกันในชื่อรุ่น 11.2 มีให้เลือกหลายขนาดและหลายสไตล์ รวมถึงแบบฝาพับเดี่ยวและแบบฝาพับคู่ (ฝาพับเดี่ยวจะเป็นรุ่นวินเทจ) และได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ
เทรนด์ต่าง ๆ เกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป แต่กระเป๋า Chanel รุ่นนี้เหมาะกับการแต่งกายทุกแบบและจะดูเก๋ไก๋เสมอ ชื่อบ่งบอกทุกอย่าง เป็นชิ้นส่วน ที่บอกเล่าเรื่องราวแฟชั่นคลาสสิกที่สุด ตามคำกล่าวของ Zoé Adjani นักแสดงชาวฝรั่งเศส ที่ว่า "ด้วยประวัติศาสตร์มากมายที่บรรจุอยู่ภายใน ทำให้กระเป๋านี้มีความหมายมากกว่ากระเป๋าใบหนึ่ง เหมือนกับการแบกปารีสไว้บนไหล่"
Chanel Boy
The Boy เปิดตัวครั้งแรกโดย Karl Lagerfeld ในปี 2011 เป็นกระเป๋าทรง Flap แบบทันสมัยและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ดูแมน ๆ มากขึ้นเล็กน้อย ฉีกกฏของการเป็นกระเป๋าไลน์คลาสสิกที่ต้องดูเรียบหรู มีสายโซ่แบบกูร์เมต์เตอเรตขนาดใหญ่ซึ่งแสดงถึงความแข็งแรง ชื่อของกระเป๋ารุ่นนี้ สื่อถึงจิตวิญญาณแบบร็อคแอนด์โรลที่ไม่ยึดติดกับเพศ โดยอ้างอิงถึง Boy Capel ผู้ซึ่งเป็นรักแรกของ Coco Chanel
Chanel Boy มีจำหน่ายหลายขนาด โดยเริ่มแรก ออกจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 6 ขนาด ได้แก่ mini, small, old medium, new medium, large และ XL แต่ในปัจจุบันได้ลดลงมาเหลือเพียงแค่ 4 ขนาดมาตรฐาน คือ small, medium , new medium และ large โดยขนาดอื่น ๆ อาจมีผลิตออกมาเป็นกระเป๋า Seasonal ตามฤดูกาล นอกจากขนาดที่แตกต่างกันแล้ว กระเป๋า Boy ยังมีให้เลือกหลายวัสดุและหลายสี กระเป๋า Chanel Boy มีวัสดุและฮาร์ดแวร์หลายรูปแบบ บางรุ่นมีจำนวนจำกัดและบางรุ่นก็มีจำหน่ายโดยทั่วไป
Chanel Gabrielle
Gabrielle จาก Chanel ถูกตั้งชื่อตาม Gabrielle (Coco) Chanel ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ตัวกระเป๋ามีโครงสร้างที่ดูลำลองกว่ากระเป๋าคลาสสิกรุ่นอื่น ๆ ของ Chanel หลายรุ่น ภายในมีพื้นที่กว้างขวาง ถูกเปิดตัวครั้งแรกในงานแสดงแฟชั่นโชว์ SS '17 ของแบรนด์ และเป็นกระเป๋า Chanel รุ่นใหม่ใบแรกที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ หลังความสำเร็จของ Boy ในปี 2011 อีกทั้งยังเป็นกระเป๋าแบบยูนิเซ็กซ์ใบแรกของแบรนด์อีกด้วย มีให้เลือกหลายเวอร์ชั่น รวมถึงรุ่นโฮโบคลาสสิกและรุ่นกระเป๋าเป้สะพายหลัง
ปัจจุบันกระเป๋ารุ่นนี้ ยุติการผลิตแล้ว และนั่นทำให้ราคาของมันบนตลาดซื้อขายแบรนด์เนมมือสองพุ่งสูงขึ้น โดยแตกต่างกันออกไปตั้งแต่รุ่น สี ปี และสภาพของกระเป๋า
Chanel 19
Chanel 19 คือกระเป๋ารุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ ซึ่งเป็นการนำรุ่น 2.55 มาปรับโฉมใหม่ และได้รับอิทธิพลมาจากรุ่น 11.2 อย่างชัดเจน ในฐานะกระเป๋าถือรุ่นสำคัญรุ่นสุดท้ายที่ออกแบบโดย Karl Lagerfeld ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในปี 2019 กระเป๋ารุ่นนี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ในทันที กระเป๋ารุ่นนี้ดูหรูหราและทันสมัยกว่ารุ่นก่อนๆ โดยมีโครงสร้างที่ยืดหยุ่นได้และสายสะพายที่ประกอบด้วยโซ่ขนาดใหญ่ 3 เส้น
เสน่ห์ดึงดูดใจของ กระเป๋ารุ่นนี้ อยู่ที่กลิ่นอายของความเป็นฝรั่งเศสที่อัดแน่นอยู่ในกระเป๋าทุกใบ การออกแบบที่ร่วมสมัย ด้วยตะขอตัว C ไขว้ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Chanel เหมาะกับสาว ๆ ทันสมัยและหนุ่ม ๆ ที่ชอบความท้าทาย บอกเล่าความเป็นชาแนลผ่านดีไซน์ที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความคลาสสิคที่เป็นอมตะ
ด้วยโครงสร้างที่มีความยืดหยุ่นสูง สายสะพายปรับใช้ได้งานได้หลายแบบ ทั้งแบบสะพายข้างหรือปรับสำหรับใช้คล้องมือถือก็สวยงาม อีกทั้งยังมี รุ่นคาดเอว (Waist Bag) ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ปัจจุบันที่ต้องการความคล่องแคล่วคล่องตัวและรักอิสระ ซึ่งแบบกระเป๋ามีให้เลือกด้วยกัน 3 ขนาด ได้แก่ Flap Bag , Maxi Flab Bag , Large Flap Bag
Chanel Wallet On Chain
WOC ถือเป็น "สินค้าหนังขนาดเล็ก" อย่างแท้จริง ซึ่งไม่ได้เป็นแค่กระเป๋าถือหรือกระเป๋าสตางค์ แต่ยังสามารถสะพายไหล่หรือสะพายข้างได้อีกด้วย โดยมีสายสะพายโซ่อเนกประสงค์ กระเป๋ารุ่นนี้มีขนาดกะทัดรัดกว่ากระเป๋า Chanel รุ่นอื่น ๆ ทั้งยังใช้งานได้จริงและสวยงาม เหมาะสำหรับใช้ในกรณีที่คุณไม่ต้องการอะไรแบกอะไรมากมายไปนอกจากสิ่งของจำเป็น นอกจากนี้ กระเป๋ารุ่นนี้ยังเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดของ Chanel เนื่องจากมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่ากระเป๋าไลน์คลาสสิกรุ่นอื่น ๆ
สำหรับขนาดของกระเป๋า Chanel WOC นั้น มีแค่เพียงขนาดเดียว คือ 12.3 × 19.2 × 3.5 ซม. (7.5 x 4.8 x 1.4 นิ้ว) แต่มีการดีไซน์ออกมาในหลาย ๆ รุ่นด้วยกัน ทั้งรุ่น Classic รุ่น Boy รุ่นในตำนานอย่าง 2.55 หรือแม้กระทั่ง It Bag ตัวล่าสุดของชาแนล Chanel 19 ด้วยวัสดุและสีสันที่หลากหลาย
Chanel Grand Shopping Tote
แม้ว่าจะเลิกผลิตไปตั้งแต่ปี 2015 แต่ Chanel Grand Shopping Tote ก็ยังเป็นกระเป๋าถือที่ได้รับความนิยมมากที่สุดใบหนึ่งในช่วงต้นทศวรรษปี 2000 และยังคงเป็นกระเป๋าวินเทจที่เป็นที่ต้องการจนถึงทุกวันนี้ ด้วยขนาดพื้นที่ภายในที่กว้างขวางที่สุดในบรรดากระเป๋า Chanel ทั้งหมด โดยมีจำหน่ายเฉพาะหนังนวมแบบคลาสสิกและฮาร์ดแวร์สีทองหรือสีเงิน
แม้ว่าทางแบรนด์ จะไม่ได้ออกกระเป๋า Tote รุ่นพิเศษตั้งแต่นั้นมา แต่ Chanel ก็ยังออกแบบกระเป๋า Tote รูปแบบอื่น ๆ เพื่อเอาใจเหล่าบรรดาแฟน ๆ ของแบรนด์อีกหลายต่อหลายรุ่น
กระเป๋า Chanel รุ่นคลาสสิกเป็นมากกว่าแค่กระเป๋า มันเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรา ความเป็นเอกลักษณ์ และศิลปะที่ผสมผสานระหว่างความงามและประโยชน์ใช้สอยอย่างลงตัว ตั้งแต่การออกแบบที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของ Coco Chanel ที่บุกเบิกการใช้วัสดุที่ไม่คาดคิด มาจนถึงปัจจุบันที่แบรนด์ยังคงรักษามาตรฐานความงามที่ไร้กาลเวลาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นรุ่น 2.55 หรือ Classic Flap ทุกชิ้นต่างบอกเล่าเรื่องราวแห่งยุคสมัย ความหรูหรา และสไตล์ที่ไม่เคยเสื่อมคลาย
